พิสนธ์ กล่าว
3 ในขณะที่ด้านหนึ่งคุณหมอเดินหน้าทำหน้าที่ของหมอที่ดี คือหาทางเรียนต่อเพื่อทักษะความรู้ให้ตัวเอง แต่อีกด้านหนึ่งผมก็อยากให้ทำหน้าที่ของคนไข้ด้วย ซึ่งในฐานะคนไข้นี้ คุณหมอต้องทำสามอย่างคือ 3. 3. 1 คุณหมอต้องเข้าหาและเกาะติดอาจารย์แพทย์ที่เป็น hepatologist คนใดคนหนึ่งไว้ ถ้าโรงเรียนแพทย์ของคุณหมอไม่มีอาจารย์สาขานี้ ก็ควรไปเสาะหาที่รพ. อื่น ไม่ใช่ปล่อยตัวเองให้อยู่ในมือของหมอประจำคลินิกสวัสดิการ รพ. เพราะความรู้ในการรักษาโรคนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก หมอที่ไม่ได้อยู่กับโรคนี้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นหมอทั่วไป หมออายุรกรรม หรือแม้แต่หมออายุรกรรมเฉพาะด้านโรคทางเดินอาหาร ( gastroenterologist) ยากที่จะตามความรู้โรคนี้ได้ทัน 3. 2 คนในครอบครัวของคุณหมอทุกคน รวมทั้งแฟนของคุณหมอด้วย ควรได้รับการตรวจภูมิคุ้มกันโรคนี้ ใครไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็ควรจับฉีดวัคซีนให้หมด 3. 3 เตรียมพร้อมฟูมฟักภูมิต้านทานของร่างกายเราไว้ให้ดี ด้วยการวางรูทีนชีวิตให้มีการพักผ่อนให้พอ ออกกำลังกายให้หนักทุกวัน กินอาหารถูกส่วนซึ่งต้องหนักไปทางผักและผลไม้ และจัดการความเครียดทางใจให้ดี เพราะเมื่อวันทำสงครามระหว่างเรากับเชื้อโรค ( immune clearance phase) มาถึง ไม่มีอะไรช่วยเราได้มากเท่าภูมิต้านทานของร่างกายตามธรรมชาติ ของเราเอง นพ.
สวัสดีครับ อาจารย์หมอสันต์ ผมมีคำถามจะเรียนถามครับ ผมกำลังเรียนแพทย์อยู่ และมีแพลนจะไปเรียนต่อต่ างประเทศครับ ปัญหาคือว่า ผมได้รับเชื้อ Hepatitis B มาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ไม่เคยมีอาการ สถานะตอนนี้เป็น Hepatitis B carrier ผมสงสัยว่าถ้าจะไปเรียนแพทย์ เฉพาะทางต่อต่างประเทศ แพทย์ประจำบ้าน ด้านศัลยกรรม ประเทศ ….. (ถ้าอาจารย์ตอบลงเวปขออนุญาติอย่าบอกชื่อประเทศนะครับ) แล้วเราเป็น carrier เขาจะรับไหมครับ เพราะทราบมาว่าก่อนเรียนต่ างประเทศต้องส่งผลเลือดให้เค้ าด้วย และขนาดโรงพยาบาลบำรุง…. ของไทย ยังไม่รับหมอที่มี Hep B carrier เลยครับ และเรามีวิธีที่จะ seroconversion ที่จะลบ HBsAg ออกไปได้ไหมครับ เช่น ฉีด interferon-alpha หรือยาตัวอื่น หรือคุณหมอจะมีข้อแนะนำเพิ่มเติ มไหมครับ ด้วยความเคารพ …………………………………………………….. ตอบครับ 1.. ถามว่าประเทศที่คุณหมอจะไปเรียนต่อ มีข้อห้ามไม่ให้คนเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี.
ใกล้บ้านทุกแห่งค่ะ ลองสอบถามกับทางรพ. ก่อนก็ได้ค่ะว่ามีอายุรแพทย์ทางเดินอาหารประจำอยู่หรือไม่
ในกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สะดวกรอรับผลการตรวจและข้อมูลทางการแพทย์ ทางเราจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังอีเมลของบัญชีที่ได้ลงทะเบียนไว้ และบันทึกลงในประวัติการรักษาในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคล 13. ท่านจะต้องไม่อัปโหลดข้อมูล หรือทำกิจกรรมที่เป็นอันตราย หรือเป็นการแทรกแซง ขัดขวางการทำงานของระบบภายในเว็บไซต์ หากทางเรามีการตรวจสอบว่าท่านได้ละเมิดข้อตกลงดังกล่าวท่านจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนทางเพชรเวช 14. สมาชิกเว็บไซต์เพชรเวชจะไม่นำข้อมูลการใช้บริการไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายเพื่อละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคม เพชรเวชจะไม่รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว หากทางเพชรเวชพบว่าสมาชิกของเว็บไซต์ละเมิดข้อตกลงดังกล่าว ทางเราจะขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการให้บริการกับสมาชิกท่านนั้นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า 15. หากเพชรเวชมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในการให้บริการจะแจ้งให้ท่านทราบ โดยการขึ้นหน้าจอ "ข้อตกลง" เพื่อให้ท่านรับทราบเงื่อนไขการใช้บริการและกด "ยอมรับ" เพื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่อไป ทางเพชรเวชจะถือว่าท่านทราบข้อตกลงและยอมรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แล้วจะไม่มีการฝ่าฝืนเงื่อนไขและข้อตกลงโดยอ้างว่าไม่ทราบไม่ได้ 16.
ระยะยังไม่รู้จักกัน ( immune tolerance phase) หมายความว่าร่างกายยังไม่รู้จักเชื้อ ไม่รู้ว่านี่คือศัตรู จึงปล่อยให้อาศัยอยู่ได้อิสระ ระยะที่ 2. รู้จักกันและเริ่มทำสงคราม ( immune active หรือ immune clearance phase) เป็นระยะที่ร่างกายเริ่มรู้จักไวรัส และเม็ดเลือดขาวจับกินไวรัส ขณะเดียวกันไวรัสส่วนหนึ่งก็อาศัยเม็ดเลือดขาวเป็นสถานที่ก๊อปปี้เพิ่มจำนวนตัวเอง เป็นการสู้กัน มีความเสียหายต่อเซลตับ มีตับอักเสบ ระยะที่ 3.
นพ. วีระศักดิ์ ว่องไพฑูรย์ ผู้เชี่ยวชาญ โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคตับ เพื่อจะรู้จักกับโรคร้ายแรง ชนิดนี้ให้ดีขึ้น "ไวรัสบี" น่ากลัวอย่างไร เชื้อไวรัสตับอักเสบ มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ชนิดเอ บี ซี ดี อี แต่เหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับไวรัสตับอักเสบชนิดบีเป็นพิเศษนั้น รศ.
เภสัชฯ เตือนกิน "พาราเซตามอล" พร่ำเพรื่อ เสี่ยงตับอักเสบจนถึงมะเร็งตับ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการแถลงข่าวเรื่อง "เตือนภัยยาที่มีพิษต่อตับ" โดยผศ. ภญ. ดร. นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย. ) กล่าวว่า ภาวะตับอักเสบมีทั้งชนิดเรื้อรัง และชนิดเฉียบพลัน โดยสาเหตุเกิดจากยาหลายชนิด โดยเฉพาะคีโตโคนาโซล ชนิดรับประทาน และพาราเซตามอล ซึ่งพาราฯ เป็นยาลดไข้ที่ดีที่สุดที่มีการใช้ในปัจจุบัน แต่ที่ต้องเตือนเพราะปัญหาพิษตับเกิดสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะใช้กันมาก และล่าสุดมีรายงานว่าเกิดปัญหาในเด็กจำนวนมากทั้งเจตนาฆ่าตัวตายและอุบัติเหตุกินเกินขนาด กว่า 1 พันคนต่อปี อายุน้อยสุด 1 ขวบ เพราะพ่อแม่ให้ยาลดไข้พาราฯ เกินขนาด เรื่องนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย. )แจ้งว่าจะมีการทบทวนตั้งแต่ ปี2557 แต่ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนยาคีโตโคนาโซนล่าสุดบริษัทผู้ผลิตได้ทำเรื่องขอยกเลิกยาในหลายประเทศ และอยู่ระหว่างการเรียกคืนเนื่องจากมีพิษต่อตับมากเช่นกัน แต่ในส่วนของประเทศไทยยังมีการใช้อยู่ รศ. พญ.
92veso.com, 2024 | Sitemap